เลี้ยงเด็กยุคใหม่ ต้องใช้สันติวิธี
ท่ามกลางกระแสความ ขัดแย้งของบ้านเมือง ทางออกหนึ่งของการแก้ปัญหาที่หลายฝ่ายออกมาพูดถึง และคุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวน่าจะได้ยินกันมาบ้าง นั่นก็คือเรื่องของ ?สันติวิธี??? วิธีที่ปราศจากความรุนแรง แม้ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองจะเหนือการควบคุมของเรา แต่จากเหตุการณ์นี้เราในฐานะพ่อแม่ก็น่าจะได้เรียนรู้อะไรบางสิ่ง อย่างน้อยๆ ก็น่าจะรู้ว่า ความรุนแรงไม่เคยให้ผลดีกับใคร...สันติวิธี = การเลี้ยงลูกเชิงบวก
ในทางการเมืองเราเรียกการไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาว่าสันติวิธี (Non-Violence) ในการเลี้ยงลูก เราเรียกวิธีการนี้ว่าการเลี้ยงลูกเชิงบวก (Positive Parenting) ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อคุณพ่อคุณแม่เข้าใจธรรมชาติของลูก และใช้เหตุผลในการเลี้ยงลูกแทนการใช้อารมณ์? ปัจจุบันความรุนแรงยังเป็นสิ่งที่พบได้ในหลาย ๆ ครอบครัว โดยเฉพาะการตีและการระเบิดอารมณ์ใส่ลูก ว่าลูกด้วยคำพูดแรงๆ โดยไม่ทันคาดคิดว่าผลของการกระทำนั้นจะส่งผลต่อลูกน้อยอย่างไรบ้าง
เด็กๆ วัย 1-3 ปี เป็นวัยที่คุณพ่อคุณแม่จะเริ่มพบความขัดแย้ง บอกให้ลูกไปนอน ลูกก็จะบอกว่าหิวน้ำ พอให้ดื่มน้ำ ลูกก็ปวดฉิ๊งฉ่อง เจ้าตัวเล็กมีข้อต่อรองไม่จบสิ้น บอกว่าอย่าก็ยังทำ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเด็กๆ กำลังเรียนรู้ขอบเขตอำนาจของตน หากคุณพ่อคุณแม่ใช้อารมณ์ นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นว่าการระเบิดอารมณ์เป็นสิ่ง ที่กระทำได้ และหากคุณตีลูก นั่นก็หมายความว่า การตีเป็นสิ่งที่ยอมรับได้เช่นกัน
4 เหตุผลของคนตีลูก
เหตุผลที่ 1 การตีเป็นวิธีจัดการพฤติกรรมของลูกให้ดีขึ้น
จริงๆ แล้วการลงโทษเด็กวัยนี้ด้วยการตี จะเป็นการระงับพฤติกรรมได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น การปรับพฤติกรรมลูกด้วยวิธีอื่นเช่น พูดคุยให้เข้าใจหรือใช้เวลานอก (time-out) แม้พ่อแม่อาจจะเหนื่อยกว่าที่ต้องอธิบาย แต่จะได้ผลในระยะยาว และไม่ส่งผลเสียเท่ากับการตี ลูกด้วย ในทางกลับกันการตีลูกยังอาจทำให้พฤติกรรมของเจ้าตัวน้อยแย่ลงกว่าเดิมด้วย เพราะเด็กที่โดนตีมากๆ จะแสดงพฤติกรรมไม่สนใจสังคม เช่น ไม่ขอบคุณเพื่อนบ้าน หรือทำให้พ่อแม่อับอายต่อหน้าเพื่อนๆ และจะเรียนรู้ว่าการตีเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ไม่เห็นเป็นไรหากเราจะตบตีคนที่อ่อนแอกว่า
เหตุผลที่ 2 ฉันก็โดนตีตอนเด็กๆ แต่ก็เติบโตมาโอเค
การโดนตีเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ หากคุณเคยโดนลงโทษด้วยการตีหนักๆ ความรู้สึกนี้ก็จะฝังลึกอยู่ในจิตใจ แม้ว่าคุณจะไม่ได้นึกถึงมันบ่อยๆ ก็ตาม คุณอาจเคยคิดว่า ?ฉันก็สมควรโดนตีแล้วล่ะ? แต่ในใจหนึ่งคุณก็อาจยังสงสัยว่าทำไมต้องโดนตีด้วย พ่อแม่ที่รักเราตีเราได้อย่างไร งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการตีลูกแม้เพียงแค่เสี้ยววินาที จะส่งผลต่อความรู้สึกซึมเศร้าเมื่อเป็นผู้ใหญ่ เพิ่มพฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายคู่ชีวิตหรือคนที่อ่อนแอกว่า
เหตุผลที่ 3 หากเราไม่ตี ลูกก็จะเสียเด็ก
เด็กๆ ใน นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก ออสเตรีย ฟินแลนด์ และอีก 20 กว่าประเทศ ไม่เคยถูกทำโทษด้วยการตี เพราะการตีเด็กเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เด็กๆ ในสวีเดนที่ไม่เคยถูกตี มีชีวิตที่ดีขึ้น? เพราะพ่อแม่ใช้เวลาฝึกระเบียบวินัยลูก ด้วยการพูดคุยเชิงเหตุผลมากขึ้น เด็กๆ ที่ไม่ถูกตี สามารถเป็นเด็กที่ดีได้หากพ่อแม่มีหน้าที่สอนลูกอย่างจริงจังต่อเนื่อง
เหตุผลที่ 4 โบราณว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี
การตีเป็นวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกที่อยู่คู่พ่อแม่ชาวไทยมายาวนาน หนำซ้ำยังมีสุภาษิตสนับสนุนอีกต่างหาก แต่รักวัวให้ผูกน่าจะหมายความถึงการใส่ใจ หากคุณไม่ต้องการให้วัวเดินหายไปไหนต่อไหน คุณก็ต้องใส่ใจที่ผูกมันไว้ให้อยู่เป็นที่เป็นทาง รักลูกให้ตีก็คงไม่ต่างอะไรเช่นกัน หากคุณต้องการให้ลูกเป็นคนดี การตีก็น่าจะหมายความถึงการกำหนดดูพฤติกรรมของลูกด้วยกฏระเบียบมากกว่า?? ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น