การสังเกตบุคลิก..ลักษณะของเด็กอัจฉริยะ
คุณพ่อคุณแม่หลายคนมีลูกเป็นเด็กที่ฉลาด มีพัฒนาการเก่งเกินวัย
ทำให้แอบหวังอยู่ว่า ลูกอาจจะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษ..หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ
จะมีวิธีสังเกตอย่างไรว่า..ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะหรือไม่ ?
มีข้อแนะนำจาก สถาบันเด็กพรสวรรค์พิเศษของมหาวิทยาลัยดุ๊ก (Duke University)
ประเทศสหรัฐอเมริกาในการสังเกตพฤติกรรมของเด็กวัยเตรียมอนุบาล ดังนี้
1. มีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็ว และมีความจำดี
2. มีวุฒิภาวะดีกว่าเด็กอื่นๆ ในวัยเดียวกัน
3. มีความสามารถในการใช้ภาษา มีการใช้คำศัพท์ต่างๆได้ดี และสนใจการอ่านหนังสือมาก
4. ชอบทำการทดลองเพื่อหาคำตอบในการแก้ปัญหา
5. ชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่า
6. เป็นเด็กที่มีความไวในการรับรู้ต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว
7. ชอบที่จะใช้ความคิด แสดงความอยากรู้อยากเห็นด้วยความคิดที่ลึกซึ้งกว่าอายุ
8. มีความเมตตา กรุณาและเห็นอกเห็นใจคนอื่นและสัตว์เลี้ยง
9. ชอบเกมที่ท้าทายทางความคิด เช่นเกมตัวเลข เกมทายปัญหา เกมหมากกล ฯลฯ
10. บางทีอาจมีท่าทีท้าทายโต้แย้งผู้ใหญ่
11. บางครั้งจะมีท่าทีเบื่อง่าย ถ้าต้องทำในสิ่งที่ง่ายเกินไปหรือไม่ท้าทายพอ
12. ดูจะมีพลัง มีความกระตือรือล้นในตัวค่อนข้างมาก
ถ้า ลูกของคุณพ่อคุณแม่ มีลักษณะดังกล่าวข้างต้นนี้อยู่หลายข้อ
ก็ควรปรึกษากับคุณครูและกุมารแพทย์ เพื่อจะได้ช่วยกันดูว่าจะช่วยให้ลูกได้พัฒนา
ความสามารถพิเศษของเขาได้อย่าง เต็มที่ ได้อย่างไร เช่น การอ่านหนังสือด้วยกัน
และการให้เขาได้สัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับกับศิลปะ ดนตรี ธรรมชาติ
และกีฬา ที่เขาชอบและสนใจ เพื่อเปิดโอกาสในการค้นพบความเป็นอัจฉริยะในตัวเขา
ที่สำคัญคือเด็กแต่ละคนมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกัน
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ได้จัดแบ่งกลุ่มของความฉลาดของเด็ก
ออกเป็นหลายประเภท ดังนี้คือ
1. อัจฉริยะด้านการใช้ภาษา
เด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้ มักจะแสดงความรู้ด้านการใช้ภาษาและคำศัพท์ ต่างๆได้ดี
และสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้ดีและชอบที่จะใช้ภาษา เช่น
ชอบอ่าน ชอบเขียน และเล่าเรื่อง ชอบเล่นเกมทายคำ ท่องอาขยานหรือคำศัพท์ต่างๆ
เขาจะใช้คำศัพท์ต่างๆในการช่วยจำและจัดการเรื่องต่างๆ เช่น
“ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ ..........”
2. อัจฉริยะด้านการคิดเป็นเหตุเป็นผลและคณิตศาสตร์
เด็ก ที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้จะทำสิ่งต่างๆอย่างเป็นระบบระเบียบ
จะชอบหาความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ชอบจัดสิ่งต่างๆให้เป็นระเบียบแยกเป็นกลุ่มๆ
มักจะหาวิธีทำการทดลองเพื่อทดสอบข้อสังเกตและความคิดของตน
เขาจะมีความสามารถในการคิดคำนวณในใจได้อย่างรวดเร็ว
ชอบที่จะเล่นเกมที่ต้องใช้กฎเกณฑ์และเหตุผล รวมถึงการคิดวางแผนต่างๆ เช่น
การเล่นเกมหมากรุก เกมยิงเรือ เกมรูบิค ฯลฯ มักจะชอบตั้งคำถามที่ลึกซึ้ง เช่น
“เวลาคืออะไร” และมักจะพบว่า เด็กเหล่านี้จะสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างดี
เหมือนเป็น เรื่องธรรมดา
3. อัจฉริยะด้านมิติสัมพันธ์ รูปทรงและโครงสร้าง
เด็ก กลุ่มนี้จะสามารถรู้ได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในห้องได้
เมื่อคุณทำการจัดห้องใหม่แม้แต่เพียงเล็กน้อย เพราะเขาจะสามารถรับรู้ถึง
ความสัมพันธ์ของความเป็นอยู่ของสิ่งของต่างๆและ ความเป็นอยู่ร่วมกันของสิ่งต่างๆได้ดี
เขาจะคิดและจินตนาการเป็นรูปภาพ และจะชอบศิลปะและการสร้างสิ่งต่างๆ
ซึ่งเขาอาจจะวาดภาพและจินตนาการอยู่ในใจและนำสิ่งของใกล้ตัวมาสร้างสิ่งนั้นๆ
ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าต้องเรียนอะไรที่มีเนื้อหาคำพูดคำศัพท์ต่างๆมากๆแล้ว
จะรู้สึกเบื่อ ขึ้นมาง่ายๆเช่นกัน
4. อัจฉริยะด้านดนตรี
เด็ก มักจะสามารถแสดงความพิเศษด้านดนตรีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เขาจะมีความไวต่อเสียงต่างๆ และสามารถจดจำเสียงเพลงหรือทำนองต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
และมักจะสนใจที่จะเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ถ้าเขาได้มีโอกาสเล่นมัน
แต่บางคนอาจจะชอบที่จะฟังดนตรีจากแผ่นซีดีหรือเทป
และเด็กโตบางคนอาจจะต้องเปิดเพลงฟังตลอดเวลา ในช่วงอ่านหนังสือโดยพบว่าตนเอง
จะไม่มีสมาธิดีพอถ้าไม่ได้ฟังเพลง
5. อัจฉริยะด้านการกีฬาและการเคลื่อนไหว
เขา จะมีความสามารถด้านการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็นอย่างดี
ซึ่งจะแสดงออกในเชิงกีฬาที่เขาถนัด หรือเป็นนักเต้น นักกายกรรม และนักแสดง ฯลฯ
เด็กเหล่านี้มักจะไม่นั่งอยู่นิ่ง แต่จะขยับเท้าหรือทำท่าเต้นไปตามจังหวะต่างๆได้ดี
เขาชอบที่จะออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ เล่นสเกตช์ ฯลฯ
6. อัจฉริยะด้านการเข้าสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
เด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษด้านการเข้าสังคม ดูจะเป็นคนที่มีทักษะในการพูดคุย
ต้อนรับ คนอื่นๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาดูเหมือนจะรู้ว่าคนอื่นๆมีความคิดและความรู้สึกอย่างไร
เขามักจะได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของกลุ่ม และช่วยในการเจรจาติดต่อกับคนอื่นๆ
เขาชอบที่จะได้ทำอะไรให้กับคนอื่นๆ และชอบที่อยู่ในกลุ่มคนเพื่อพูดคุยและรับฟังปัญหาต่างๆ
7. อัจฉริยะด้านความเชื่อมั่นตนเองและความเป็นตัวของตัวเอง
เด็ก ที่มีความสามารถพิเศษนี้จะดูเหมือนมีพลังพิเศษในตัวเอง เขาจะรู้จักตนเองว่าเขาคือใคร
และต้องการอะไรในชีวิต ดูจะมีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรต่างๆ ตามเป้าหมายของตนอย่างไม่ย่อท้อง่ายๆ
เขาอาจจะไม่ค่อยกังวลกับความรู้สึกของคนอื่นๆ หรือไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับตัวเขานัก
ชอบที่จะใช้เวลาอยู่คนเดียวและทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้ แม้เขาเองอาจจะไม่ได้เป็นขวัญใจ
ที่เพื่อนๆทุกคนรู้จักและรักใคร่มาก แต่สำหรับเพื่อนๆที่รู้จักเขาดีจะชื่นชมในความตั้งใจ
และมุ่งมั่นที่จะทำตาม สิ่งที่เขาต้องการ โดยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
การ จัดกิจกรรมที่หลากหลายให้ลูกได้สัมผัสและได้เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบ
จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้ค้นพบว่า ลูกมีความสามารถพิเศษด้านใด
และหาทางสนับสนุนให้ได้เต็มที่สูงสุดตามศักยภาพของเขา และใน ขณะเดียวกัน
ต้องไม่ลืมที่จะให้ลูกได้มีความฉลาดทางอารมณ์หรือมีวุฒิภาวะทาง อารมณ์ (Emotional Intelligence)
ร่วมไปด้วย ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จทางด้านการงานในอนาคต ได้ค่อนข้างมาก
ความ สามารถในการเข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักอดทนอดกลั้น มีความหวัง
มองโลกในแง่ดี มีความสุขในชีวิต ฯลฯ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็กเป็นสำคัญ
และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงวัย รุ่น ซึ่งคุณจะสามารถช่วยได้โดย
1. ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ความอบอุ่นและความรู้สึกที่มั่นคงแก่ลูก
2. พูดคุยและยิ้มกับลูกบ่อยๆ
3. ให้การตอบสนองในเชิงบวกต่อพฤติกรรมที่ดีของเด็ก
4. อธิบายอย่างง่ายๆให้ลูกเข้าใจว่า ทำไมคุณถึงห้ามไม่ให้เขาทำอะไรบางอย่าง
5. ให้โอกาสลูกได้ช่วยคุณทำสิ่งต่างๆในบ้านบ้าง เพื่อให้ได้มีส่วนร่วม
6. พยายามเข้าใจลูกและปลอบประโลมเขาเมื่อเขาร้องไห้หรือเสียใจ
7. อธิบายให้ลูกรู้ว่าการกระทำอะไรมีผลอย่างไรกับผู้อื่นบ้าง ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา
หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้คงพอจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่า ลูกมีความเป็นอัจฉริยะด้านใด
และจัดกิจกรรมให้เขาได้แสดงออกถึงศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ พร้อมๆกับเลี้ยงดูให้ลูก
มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่เหมาะสมได้นะคะ
บทความวิชาการ..โดย พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์
มั่นใจว่ามีฮาจะต้องเป็นเด็กพิเศษนะ ... ฉิงถึงอยากจะลองส่งให้เขาไปเรียนชิจิดะดู .. การมีกิจกรรมเยอะในคลาส อาจจะพอช่วยให้เราพอมองออก ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไรกันแน่
ตอบลบยอมลงทุนเพื่อมีฮา ... ลองดูซักคอร์สนึง หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันว่ามันคุ้มค่าไหมที่เราจะต้องเสียเงินกับเรื่องการเรียนพิเศษแบบนี้ ... ถ้าเขาไม่ต้องการ ก็ไม่ต้องพาไปต่อ ก็เท่านั้น อย่างน้อยก็จะได้รู้อ่ะเนอะ
ตอบลบ