วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เดินเล่นยามเช้า

ช่วงนี้คงเป็นช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมของเด็กๆหลายคน
การได้นอนตื่นสาย ไม่ต้องโดนขุดไปจากเตียงเพื่อเลี่ยงรถติด
ได้ใช้ช่วงชีวิตที่ไม่รีบเร่งเคร่งเครียดนอนเต็มเหยียด คงเป็นอะไรที่สุดเสนวิเศษ
ส่วนมีฮาเธอยังคงไม่ได้สัมผัสรสชาติแบบนั้น
แล้วพ่อก็หวังว่าจะปกปักษ์รักษาไม่ให้หนูต้องไปทนกับบรรยากาศอันแสนจะคร่ำเครียดแบบนั้นไปได้นานๆ

เช้านี้ก็เป็นอีกเช้าที่แสนจะเรียบง่ายของชายที่เรียกตัวเองว่า"พ่อ"
กับผู้หญิงตัวน้อยที่เรียกตัวเองว่า "ลูก" สองพ่อลูกออกเดินออกจากบ้าน
เพื่อไปทักทายคุณพระอาทิตย์ แต่แล้ววันนี้หนาพระอาทิตย์คงตื่นสาย
ก็มันได้บรรยากาศขนาด ฝนปรอยๆ อากาศครึ้ม สายลมอ่อนๆ มันช่างน่านอนนัก
ผิดกับคุณลูกรัก ที่คึกคักอยากออกจากบ้าน ก็อยากออกไปก็ไม่ว่ากัน
เตือนกันไว้แล้วนะ ว่าฝนอาจจะตก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยืนยันจะออกไปให้ได้
เอาไงเอากัน ฝนตกก็หาที่หลบ ไม่มีก็เล่นน้ำฝนกันไปแล้วกัน บ่ยั่น
เดินไปได้ 10 นาที ก็เริ่มมีเม็ดๆหยดแหมะแฉะหัว เอาไงกันดี ไปต่อหรือกลับ
ถามคุณลูกบังเกิดเกล้า ได้ความว่า "เอา ไปต่อ" พ่อก็ไม่ขัด
เดินขึ้นสะพานข้ามคลอง ไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ปึง ระหว่างที่แวะซื้อ สาคูจากป้าที่หาบขนมขาย
ยังไม่ทันได้จ่ายตังค์เลยนะ ฝนกระหน่ำมากมาย เอ๊าไป๊ วิ่งๆๆๆ วิ่งมาแอบอยู่ชายคาบ้านหลังหนึ่ง
ซึ่งเขาทำหลังคายื่นออกมา คิดว่ามันคงตกไม่นาน แต่รอแล้วรอเล่า ตูดเริ่มแฉะและหลังเริ่มเปียก
ยืนหันซ้ายขวา แบบว่าต้องปกป้องคุณลูกโดยให้เธออยู่ชิดรั้วให้มากที่สุด พ่อก็เอาตัวบังหลังเปียกกันไป
พี่ยามทนไม่ไหว เลยเดินเอาร่มมาให้แล้วบอกว่าไปยืนรอที่บ้านหลังโน้นดีกว่าครับ
รับร่ม ขอบคุณครับ เผ่นอย่างไว ไปถึงก็ได้เจอป้าที่พึ่งขายขนมให้บนสะพานตะกี้
พอได้มาเจอป้า เท่านั้นมีฮาเธอก็ทำหน้าที่นางงามมิตรภาพ คุยจ้อกับป้า
แล้วก็อยากจะลองหาบอย่างป้าบ้าง แต่เป็นอันว่า ไม่ได้นะคะ ส่วนสูงเธอหน่ะ ต้องอีกหลายปีเลยหล่ะจะทำแบบป้าได้
ท่าหาบของเธอ

พอผ่านไหมท่าหาบ 555

พ่อก็เลยถามป้าว่าทำขนมเองหรือครับ ป้าก็ตอบว่า "ทำเองหมดเลย"
ทำไว้ตั้งแต่คืนวานเหรอครับ คำตอบของป้าคือ "ตื่นมาทำตอนตีสาม แบบอยากให้มันสดใหม่ ลูกค้ากินอร่อย ไม่เสียไว"
ป้านี่ยกย่องเลยทีเดียว แบบว่ามีความซื่อตรงต่อลูกค้ามากๆ และนี่ก็คงเป็นบุญของมีฮาที่ได้เจอคนอย่างป้า

หลังจากนั้น มีฮาเธอก็เริ่มอาสาจะขอไปขายของช่วยป้า ป้าถามว่าาจะขายราคาเท่าไหร่
มีฮาตอบป้าว่า " 3 บาท " ป้าเอามือกุมขมับ "ขาดทุน เจ๊งกันหมดพอดี ป้าขายอันละ 10 บาทนะ"
จากนั้นมีฮากต่อรอง " ขาย 5 บาทได้ไหม" ป้าเลยบอกว่า "ได้ แต่ต้องแบ่งครึ่งถุงให้ลูกค้านะ"
คุยกันอยู่นานมาก กว่าฝนจะหยุด สุดท้ายฝนก็หยุดเสียที มีฮาเลยได้ยกมือไหว้ขอบคุณป้า ขอให้ป้าขายดีๆ ส่วนมีฮาก็อุดหนุนไป 4 ห่อระหว่างรอฝนตก อิ่มแปร้กันไป

แม้จะอิ่มแต่ภารกิจพิชิตโจ๊กที่ตั้งใจตั้งแต่แรกยังคงต้องสานต่อ เดินต่อไปแล้วก็ถามลุงยามที่ขี่จักรยานผ่านมาว่าโจ๊กขายไหมวันนี้ ได้ความว่าฝนตกหนัก แม่ค้าเก็บร้านไปก่อนแล้ว ก็เลยเป็นอันว่าแห้ว
จากนั้นกำลังคิดว่าจะกลับบ้านกันเลยไหม ระหว่างที่กำลังตัดใจสิน ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาอีก
คราวนี้เลยต้องเผ่นเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว แม่ค้าบอกว่าก๋วยเตี๋ยวกำลังตั้งหม้อไม่ร้อนเลย 
มีฮาเลยแต่นั่งรอดูว่าป้าทำก๋วยเตี๋ยวทำยังไงบ้านในช่วงตั้งหน้าร้าน ได้เห็นตั้งแต่ป้าล้างผัก
หั่นหมู จัดของ จัดโต๊ะ นั่งคุยกับไป อันไหนไม่เข้าใจก็ถามป้า อย่างเช่น
"ทำไมต้องเอาผักมาเยอะขนาดนี้" มีฮาถามป้า
"ต้องเตรียมไว้เผื่อลูกค้ามาเยอะ" ป้าตอบ
แล้วก็อีกหลายต่อหลายคำถาม ที่ซักถามผ้า ถามจนเป็นอันว่า ป้าถามคืนว่า "เอาเส้นอะไร"
แล้วก็ได้กินก๋วยเตี๋ยวสมใจ กินไปรอฝนหยุดไป แล้วในที่สุดฝนก็หยุด พ่อลูกจ่ายตังค์ ขอบคุณคุณป้า
เป็นอันว่าได้กลับบ้านเสียที เช้านี้ออกจากบ้านมานานกว่าทุกทีเลย แต่คุ้มมากมายกับผู้คนที่แสนดี
ประสบการณ์อีกมากมายที่ได้มอบให้หนูน้อยมีฮา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น