วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

การขับถ่ายสำคัญกว่าการบำรุง


การขับถ่ายสำคัญกว่าการบำรุง


ระหว่างล้างหน้ากับแปรงฟัน ต้องทำอะไรก่อน?

คำตอบ คือ ทำอะไรก่อนก็ได้ (แต่ส่วนใหญ่เขาแปรงฟันก่อนทั้งนั้น)

ระหว่างซักผ้ากับรีดผ้าต้องทำอะไรก่อน?

อย่าบอกนะว่าทำอะไรก่อนก็ได้ ถ้ารีดผ้าก่อนแล้วค่อยซักทีหลังคงเป็นเรื่องแน่!

คนเราป่วยเพราะเชื่อเรื่องการบำรุงร่างกาย การบำรุงร่างกายอย่างเดียวทำให้ป่วยได้ !?

เพราะคนเราจะสุขภาพดีมีความสุขได้อยู่ที่การสร้างความสมดุลให้ร่างกาย การสร้างสมดุล หมายถึง การล้างพิษ และการบำรุงร่างกายให้สมดุล เอาเป็นว่าถ้าจานใส่อาหารยังเปื้อนของเก่าอยู่ เราก็ต้องล้างจานก่อนคดข้าวใส่จานอยู่ดี

การล้างพิษในลำไส้ใหญ่


พลังงานไหลเวียนของลำไส้ใหญ่อยู่ในช่วงเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้า ถ้าเราสามารถขับถ่ายอุจจาระในช่วงเวลานี้ได้จะดีมาก แต่ถ้าลำไส้ใหญ่ของเราขับถ่ายไม่ได้ตามเวลา หรือขับถ่ายไม่หมดลำไส้ จะมีอาการดังต่อไปนี้ คือ


อาการทางจิต จิตใจไม่ยึดแน่น, ไม่กล้าตัดสินใจ , ชอบข่มขู่ผู้อื่น , ไม่ค่อยพอใจอะไรง่ายๆ , ผิดหวังบ่อย , ไม่ชอบพึ่งตนเอง , ก้าวร้าว , สะเพร่า , อาฆาต


อาการทางกาย คัดจมูก , ปวดหน้าผาก , ขี้หูมาก , กินจุ ,นอนไม่หลับ , กรน , จะไม่ค่อยสบายเมื่ออุณหภูมิภายนอกเปลี่ยนแปลง , ผิวเหลือง , ตัวซีด , ปวดท้อง , จุกเสียด , ท้องผูกหรือท้องถ่าย , ปวดฟัน , เจ็บคอ , เลือดกำเดาออก , ตาเหลือง , ก้นเหลว , ริมฝีปากล่างบวม


การใช้อาหารล้างพิษในลำไส้ใหญ่ จะขอเสนอแนะออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนมและกลุ่มผัก ซึ่งในแต่ละคนจะถูกโฉลกไม่เหมือนกัน คือบางคนก็ถูกกับกลุ่มนม บางคนจะถูกกับกลุ่มผัก ซึ่งท่านผู้อ่านก็ต้องไปทดลองว่าเราจะถูกกับอะไร

สูตรล้างพิษในลำไส้ใหญ่ กลุ่มนม

1. ใช้นมสด 2 กล่อง และกล้วยน้ำว้า 2 ลูก ลองกินดูนะครับ กินกล้วยคำดื่มนมตามหนึ่งอึก ทำนองนี้สลับกันไป ส่วนท่านที่สงสัยว่าควรใช้นมกล่องขนาดไหน อันนี้ท่านก็ต้องกะประมาณการเอาเอง แต่อย่างว่าแหละ ถ้าท่านมีปัญหาที่ลำไส้ใหญ่ ท่านก็ไม่ชอบตัดสินใจเองอยู่แล้ว เอาอย่างนี้ท่านก็ลองใช้กล่องเล็กดูก่อน ถ้ายังไม่ระบายค่อยเพิ่มเป็นกล่องใหญ่ หรือเพิ่มหลาย ๆ กล่องก็ได้ จนกว่าการขับถ่ายจะดี


2. ใช้นมสด 2 กล่อง เติมโยเกิร์ต 1 ถ้วย (รสอะไรก็ได้) ขนาดถ้วยใหญ่หน่อยก็จะดี เติมน้ำผึ้งสัก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผลไม้ เช่น น้ำส้ม , น้ำมะนาว กะขนาดตามชอบ ถ้าท่านเป็นโรคเบาหวานแล้วกังวลเรื่องน้ำผึ้งก็ขอให้เติมผงอบเชย หรือซินนามอน (Cinnamon) ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ


3. ใช้นมข้นหวาน 6 ช้อนโต๊ะ ผสมกันโซดาสัก 1 แก้วใหญ่ชงให้เข้ากันแล้วดื่ม


หมายเหตุ ทุกสูตรควรกินตอนเช้าก่อนอาหารได้จะเป็นการดีครับ

สูตรล้างพิษในลำไส้ใหญ่ กลุ่มผัก

อย่างที่เรียนให้ทราบเบื้องต้นแล้วว่า บางคนไม่ถูกกับนม กินนมแล้วไม่ถ่าย ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ลองหาผักเหล่านี้มารับประทานดู เช่น ผักบุ้ง, ผักคาวตอง , ผักปลัง ,ผักเชียงดา ,ผักอื่นๆ เช่น ตำลึง , กระเจี๊ยบเขียว ผักเหล่านี้จะช่วยให้เกิดการระบายถ่ายท้องได้ดี



อย่างไรก็ตามบางคนอาจตกใจเมื่อเกิดการระบายขนาดใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้ให้เตรียมใบกระเพราสักหนึ่งกำมือ จะเป็นใบสดหรือตากแห้งก็ได้ เอามาต้มน้ำดื่ม จะทำให้หยุดถ่ายท้องได้ทันใจ ไม่อ่อนเพลีย


การใช้โลหะบำบัด - ใส่แหวนทองนิ้วโป้ง

การใช้ภูษิตบำบัด - ใส่เสื้อผ้าสีแดง
การใช้อัญมณีบำบัด - พลอยตาเสือ (Tiger's Eyes) , แร่เหล็กแดง (Hermatite) , หินโมรา (Agate) , พลอยสีเหลือง (Citrin)

จากหนังสือ 'เปิดตู้เย็น เป็นตู้ยา' โดย อ.สุทธิวัสส์ คำภา


วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

การสังเกตุบุคคลิก..ลักษณะของเด็กอัจฉริยะ


การสังเกตบุคลิก..ลักษณะของเด็กอัจฉริยะ

     คุณพ่อคุณแม่หลายคนมีลูกเป็นเด็กที่ฉลาด มีพัฒนาการเก่งเกินวัย
ทำให้แอบหวังอยู่ว่า  ลูกอาจจะเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษ..หรือเป็นเด็กอัจฉริยะ


จะมีวิธีสังเกตอย่างไรว่า..ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะหรือไม่ ?

     มีข้อแนะนำจาก สถาบันเด็กพรสวรรค์พิเศษของมหาวิทยาลัยดุ๊ก (Duke University)
ประเทศสหรัฐอเมริกาในการสังเกตพฤติกรรมของเด็กวัยเตรียมอนุบาล  ดังนี้

   
1. มีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็ว  และมีความจำดี
   
2. มีวุฒิภาวะดีกว่าเด็กอื่นๆ  ในวัยเดียวกัน
   
3. มีความสามารถในการใช้ภาษา มีการใช้คำศัพท์ต่างๆได้ดี และสนใจการอ่านหนังสือมาก
   
4. ชอบทำการทดลองเพื่อหาคำตอบในการแก้ปัญหา
   
5. ชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่า
   
6. เป็นเด็กที่มีความไวในการรับรู้ต่อสิ่งต่างๆ  ที่เกิดขึ้นรอบตัว
   
7. ชอบที่จะใช้ความคิด แสดงความอยากรู้อยากเห็นด้วยความคิดที่ลึกซึ้งกว่าอายุ
   
8. มีความเมตตา กรุณาและเห็นอกเห็นใจคนอื่นและสัตว์เลี้ยง
   
9. ชอบเกมที่ท้าทายทางความคิด เช่นเกมตัวเลข เกมทายปัญหา เกมหมากกล ฯลฯ
   
10. บางทีอาจมีท่าทีท้าทายโต้แย้งผู้ใหญ่
   
11. บางครั้งจะมีท่าทีเบื่อง่าย  ถ้าต้องทำในสิ่งที่ง่ายเกินไปหรือไม่ท้าทายพอ
   
12. ดูจะมีพลัง มีความกระตือรือล้นในตัวค่อนข้างมาก


     ถ้า ลูกของคุณพ่อคุณแม่ มีลักษณะดังกล่าวข้างต้นนี้อยู่หลายข้อ
ก็ควรปรึกษากับคุณครูและกุมารแพทย์ เพื่อจะได้ช่วยกันดูว่าจะช่วยให้ลูกได้พัฒนา

ความสามารถพิเศษของเขาได้อย่าง เต็มที่ ได้อย่างไร เช่น การอ่านหนังสือด้วยกัน
และการให้เขาได้สัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับกับศิลปะ ดนตรี ธรรมชาติ
และกีฬา ที่เขาชอบและสนใจ เพื่อเปิดโอกาสในการค้นพบความเป็นอัจฉริยะในตัวเขา




ที่สำคัญคือเด็กแต่ละคนมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกัน

     ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก  ได้จัดแบ่งกลุ่มของความฉลาดของเด็ก
ออกเป็นหลายประเภท ดังนี้คือ

1. อัจฉริยะด้านการใช้ภาษา

     เด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้  มักจะแสดงความรู้ด้านการใช้ภาษาและคำศัพท์ ต่างๆได้ดี
และสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้ดีและชอบที่จะใช้ภาษา เช่น

ชอบอ่าน ชอบเขียน และเล่าเรื่อง ชอบเล่นเกมทายคำ ท่องอาขยานหรือคำศัพท์ต่างๆ
เขาจะใช้คำศัพท์ต่างๆในการช่วยจำและจัดการเรื่องต่างๆ เช่น
“ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ ..........”

2. อัจฉริยะด้านการคิดเป็นเหตุเป็นผลและคณิตศาสตร์

     เด็ก ที่มีความสามารถพิเศษด้านนี้จะทำสิ่งต่างๆอย่างเป็นระบบระเบียบ
จะชอบหาความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ชอบจัดสิ่งต่างๆให้เป็นระเบียบแยกเป็นกลุ่มๆ
มักจะหาวิธีทำการทดลองเพื่อทดสอบข้อสังเกตและความคิดของตน

เขาจะมีความสามารถในการคิดคำนวณในใจได้อย่างรวดเร็ว
ชอบที่จะเล่นเกมที่ต้องใช้กฎเกณฑ์และเหตุผล รวมถึงการคิดวางแผนต่างๆ เช่น

การเล่นเกมหมากรุก เกมยิงเรือ เกมรูบิค ฯลฯ มักจะชอบตั้งคำถามที่ลึกซึ้ง เช่น
“เวลาคืออะไร”  และมักจะพบว่า  เด็กเหล่านี้จะสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างดี
เหมือนเป็น เรื่องธรรมดา

3. อัจฉริยะด้านมิติสัมพันธ์ รูปทรงและโครงสร้าง

     เด็ก กลุ่มนี้จะสามารถรู้ได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในห้องได้
เมื่อคุณทำการจัดห้องใหม่แม้แต่เพียงเล็กน้อย เพราะเขาจะสามารถรับรู้ถึง
ความสัมพันธ์ของความเป็นอยู่ของสิ่งของต่างๆและ ความเป็นอยู่ร่วมกันของสิ่งต่างๆได้ดี

เขาจะคิดและจินตนาการเป็นรูปภาพ และจะชอบศิลปะและการสร้างสิ่งต่างๆ
ซึ่งเขาอาจจะวาดภาพและจินตนาการอยู่ในใจและนำสิ่งของใกล้ตัวมาสร้างสิ่งนั้นๆ
ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าต้องเรียนอะไรที่มีเนื้อหาคำพูดคำศัพท์ต่างๆมากๆแล้ว
จะรู้สึกเบื่อ ขึ้นมาง่ายๆเช่นกัน

4. อัจฉริยะด้านดนตรี

     เด็ก มักจะสามารถแสดงความพิเศษด้านดนตรีได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เขาจะมีความไวต่อเสียงต่างๆ และสามารถจดจำเสียงเพลงหรือทำนองต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
และมักจะสนใจที่จะเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ ถ้าเขาได้มีโอกาสเล่นมัน

แต่บางคนอาจจะชอบที่จะฟังดนตรีจากแผ่นซีดีหรือเทป
และเด็กโตบางคนอาจจะต้องเปิดเพลงฟังตลอดเวลา  ในช่วงอ่านหนังสือโดยพบว่าตนเอง
จะไม่มีสมาธิดีพอถ้าไม่ได้ฟังเพลง

5. อัจฉริยะด้านการกีฬาและการเคลื่อนไหว

     เขา จะมีความสามารถด้านการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็นอย่างดี
ซึ่งจะแสดงออกในเชิงกีฬาที่เขาถนัด หรือเป็นนักเต้น นักกายกรรม และนักแสดง ฯลฯ

เด็กเหล่านี้มักจะไม่นั่งอยู่นิ่ง แต่จะขยับเท้าหรือทำท่าเต้นไปตามจังหวะต่างๆได้ดี
เขาชอบที่จะออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ เล่นสเกตช์ ฯลฯ

6. อัจฉริยะด้านการเข้าสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

     เด็กที่มีพรสวรรค์พิเศษด้านการเข้าสังคม ดูจะเป็นคนที่มีทักษะในการพูดคุย
ต้อนรับ คนอื่นๆได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาดูเหมือนจะรู้ว่าคนอื่นๆมีความคิดและความรู้สึกอย่างไร

เขามักจะได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของกลุ่ม และช่วยในการเจรจาติดต่อกับคนอื่นๆ
เขาชอบที่จะได้ทำอะไรให้กับคนอื่นๆ และชอบที่อยู่ในกลุ่มคนเพื่อพูดคุยและรับฟังปัญหาต่างๆ

7. อัจฉริยะด้านความเชื่อมั่นตนเองและความเป็นตัวของตัวเอง

     เด็ก ที่มีความสามารถพิเศษนี้จะดูเหมือนมีพลังพิเศษในตัวเอง เขาจะรู้จักตนเองว่าเขาคือใคร
และต้องการอะไรในชีวิต ดูจะมีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรต่างๆ  ตามเป้าหมายของตนอย่างไม่ย่อท้อง่ายๆ

เขาอาจจะไม่ค่อยกังวลกับความรู้สึกของคนอื่นๆ หรือไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับตัวเขานัก
ชอบที่จะใช้เวลาอยู่คนเดียวและทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้ แม้เขาเองอาจจะไม่ได้เป็นขวัญใจ
ที่เพื่อนๆทุกคนรู้จักและรักใคร่มาก แต่สำหรับเพื่อนๆที่รู้จักเขาดีจะชื่นชมในความตั้งใจ
และมุ่งมั่นที่จะทำตาม สิ่งที่เขาต้องการ โดยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

     การ จัดกิจกรรมที่หลากหลายให้ลูกได้สัมผัสและได้เลือกทำในสิ่งที่ตนชอบ
จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้ค้นพบว่า ลูกมีความสามารถพิเศษด้านใด

และหาทางสนับสนุนให้ได้เต็มที่สูงสุดตามศักยภาพของเขา และใน ขณะเดียวกัน
ต้องไม่ลืมที่จะให้ลูกได้มีความฉลาดทางอารมณ์หรือมีวุฒิภาวะทาง อารมณ์ (Emotional Intelligence)
ร่วมไปด้วย ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จทางด้านการงานในอนาคต ได้ค่อนข้างมาก


     ความ สามารถในการเข้าใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักอดทนอดกลั้น มีความหวัง
มองโลกในแง่ดี มีความสุขในชีวิต ฯลฯ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็กเป็นสำคัญ
และต่อเนื่องไปจนถึงช่วงวัย รุ่น ซึ่งคุณจะสามารถช่วยได้โดย

   
1. ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ความอบอุ่นและความรู้สึกที่มั่นคงแก่ลูก
   
2. พูดคุยและยิ้มกับลูกบ่อยๆ
   
3. ให้การตอบสนองในเชิงบวกต่อพฤติกรรมที่ดีของเด็ก
   
4. อธิบายอย่างง่ายๆให้ลูกเข้าใจว่า  ทำไมคุณถึงห้ามไม่ให้เขาทำอะไรบางอย่าง
   
5. ให้โอกาสลูกได้ช่วยคุณทำสิ่งต่างๆในบ้านบ้าง เพื่อให้ได้มีส่วนร่วม
   
6. พยายามเข้าใจลูกและปลอบประโลมเขาเมื่อเขาร้องไห้หรือเสียใจ
   
7. อธิบายให้ลูกรู้ว่าการกระทำอะไรมีผลอย่างไรกับผู้อื่นบ้าง ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา


    หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้คงพอจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่า  ลูกมีความเป็นอัจฉริยะด้านใด
และจัดกิจกรรมให้เขาได้แสดงออกถึงศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ พร้อมๆกับเลี้ยงดูให้ลูก
มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่เหมาะสมได้นะคะ


บทความวิชาการ..โดย พญ.จันท์ฑิตา พฤกษานานนท์

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

นักเรียนออกแบบ หรือ นักเลียนแบบ ?

นักเรียนออกแบบ หรือ นักเลียนแบบ ?





ในวิชา วาดเขียน วันนี้
ครูมาลี บอกให้ วาดรูป บ้าน
ให้ นักเรียน ใช้ จินตนาการ
ท้ายชั่วโมง มาส่งงาน ตามเวลา
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ฉันหยิบสี ออกมา จากกระเป๋า
หลับตาเอา นึกภาพ บ้านหรรษา
หยิบสีเขียว ขึ้นมา วาดหลังคา
มีปล่องไฟ สีฟ้า ตั้ง ๕ อัน

เพื่อเวลา วันคริสต์มาส นั้นมาถึง
ซานตาคลอส จะได้บึ่ง รีบมาหา
จำได้บ้าน หลังคา-เขียว ปล่องไฟ-ฟ้า
หย่อนของขวัญ ลงมา ๕ ช่องเล้ย !!

ส่วนตัวบ้าน ฉันละเลงด้วย สีแดง
เจาะช่องแสง เป็นรู เต็มข้างฝา
ให้ พระอาทิตย์ ส่องแสง ลอดเข้ามา
สว่างจ้า ทั้งวัน ไม่เปลืองไฟ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ฉันวาดบ้าน ให้สูง ตั้ง ๓ ชั้น
ห้องของฉัน สูงกว่า ต้นไม้ใหญ่
มองออกไป ข้างนอกได้ ไกลแสนไกล
กล้องดูดาว ตั้งไว้ ใช้ส่องดู

มีประตู เข้าบ้านได้ หลายๆ ด้าน
แต่ละบาน มีชื่อ เขียนแปะอยู่
นี่ของพ่อ นี่ของแม่ นี่ของปู่
ของฉันอยู่ บานเล็กสุด ติดบ่อปลา

ในบ่อปลา มีโลมา แสนใจดี
ให้ฉันขี่ ว่ายเล่น แสนเริงร่า
มีกระดาน จากห้องนอน ลื่นลงมา
บ้านหรรษา ฉันสนุก กว่าใครๆ

กริ๊งๆๆ เสียงกระดิ่ง ดังขึ้น
ครูมาลี ลุกยืน ร้องเสียงใส
“เอ้า นักเรียน รีบมาส่ง งานไวไว
ครู จะให้ คะแนน และรางวัล”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

สักพักหนึ่ง ครูมาลี ก็ยืนขึ้น
ถือภาพวาด ในมือ เรียกชื่อฉัน
“ด.ญ.ทอฝัน มาหาครู อย่างเร็วพลัน
มาพร้อมกัน กับ ด.ช. เจตนา

“ทอฝันจ๋า หนูวาด อะไรมาส่ง
ครูตกลง ให้วาดบ้าน นะหนูจ๋า”
ฉันงุนงง “นี่ค่ะบ้าน นี่ไงคะ..หลังคา
นี่...โลมา นี่...บ่อน้ำ นั่น...ปล่องไฟ”

ครูมาลี ฟังจบ หัวเราะร่า
“ทอฝันจ๋า บ้านแบบนี้ มีที่ไหน
บ้านสีแดง หลังคาเขียว เปรี้ยวเกินไป
แล้วจะมี ปล่องไฟทำไม ตั้งหลายอัน

ไม่เคยเจอ บ้านที่ไหน เค้าเจาะรู
มีประตู หลายบาน น่าขบขัน
ปลาโลมา บ้านใคร เค้าเลี้ยงกัน
สไลเดอร์ ยาวๆ นั่น อันตราย”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

“ด.ช.เจตนา หยิบงานเธอ มาให้ครู
นี่สิหนู บ้านที่ถูก ตามใจหมาย
หลังคาจั่ว บ้านสี่เหลี่ยม ไร้ลวดลาย
มีต้นไม้ ภูเขา นกสามตัว

บ้านแบบนี้ คือบ้านที่ เขาอยู่กัน
อย่าไปคิด นอกจากนั้น ให้ปวดหัว
เปิดหนังสือ แล้ววาดตาม นั่นแหละชัวร์
จงอย่ามัว คิดฟุ้งซ่าน ให้เสียเวลา“

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
นักเรียนในห้อง มองมา ทำตาแป๋ว
ฟังครูแล้ว จดจำ พยักหน้า
สิ่งที่ดี คือสิ่งที่ จำกันมา
แค่ออกไป ค้นหา แล้วทำตาม

ฉันนั่งมอง สองคะแนน ที่ครูให้
นึกย้อนไป เข้าใจ ไร้คำถาม
จินตนาการ คือสิ่งที่ ควรห้ามปราม
จงเก็บความ “ไม่เหมือนใคร” ไว้คนเดียว

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ที่มา : สมุดคลำกลอน

เมื่อความฝันของฉัน ดันติด F


เมื่อความฝันของฉัน...ดันติด F !!

ณ ห้องเรียนชั้นมัธยมแห่งหนึ่งในอเมริกา ครูได้มอบหมายให้นักเรียนเขียนเรียงความเรื่อง "ความฝันของฉัน" (My Dream)

นักเรียนชายอายุประมาณ 15 ปี ชื่อ "มอนตี้" เขียนเรียงความว่า...ตนฝันอยากเป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้าที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่มหาศาลเท่านั้นเท่านี้ โดยกำหนดตัวเลขไว้อย่างชัดเจน

กลางฟาร์มม้านั้นจะสร้างอาคารกว้างยาวเท่านั้นเท่านี้ เพื่อเป็นที่ต้อนรับผู้คนที่จะมาศึกษาดูงานฟาร์มม้าของตน

มอนตี้อธิบายทุกอย่างชัดเจนละเอียดลออครบถ้วน แล้วส่งเรียงความนั้นให้กับครู เช่นเดียวกับเพื่อนๆ

เมื่อครูตรวจเสร็จแล้วแจกเรียงความนั้นคืนให้นักเรียนทุกคน มอนตี้รีบดูผลการตรวจของครู ปรากฏว่า ตรงมุมกระดาษด้านบนมีตัวหนังสือสีแดงเขียนตัว F ซึ่งแปลว่าตก หรือ Fail และมีข้อความเขียนไว้ว่า “หลังเลิกเรียนแล้ว...ให้มาพบครู”

::::::

เมื่อมอนตี้เข้าไปพบครูตอนเย็น ครูบอกกับเขาว่า...

“มอนตี้ เธอฝันว่าจะเป็นเจ้าของฟาร์มม้าที่ใหญ่ขนาดนั้นน่ะ เธอรู้มั้ยว่ามันต้องใช้เงินมากมายมหาศาลเลยนะ แล้วตอนนี้ทางบ้านของเธอมีเงินแค่ไหน ฝันของเธอเป็นไปไม่ได้เลย เอาอย่างนี้ละกัน มอนตี้ เธอกลับบ้านแล้วเขียนเรียงความฉบับใหม่มาให้ครูพรุ่งนี้ คราวนี้เขียนฝันที่พอจะมีทางเป็นไปได้หน่อยนะ แล้วครูจะให้คะแนนใหม่แทนคะแนน F ที่เธอได้นี้”


มอนตี้กลับบ้านแล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อฟัง พร้อมขอคำแนะนำว่าตนควรจะทำอย่างไรดี

เมื่อพ่อของมอนตี้อ่านฝันที่มอนตี้เขียนจบแล้ว จึงพูดกับมอนตี้ว่า...

“นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของลูกทีเดียว พ่อว่าลูกต้องคิดและเลือกเองแล้วล่ะ”

เช้าวันรุ่งขึ้น มอนตี้ไปพบครูพร้อมทั้งส่งเรียงความฉบับเดิมให้แก่ครู และบอกกับครูว่า

“ครูเก็บ F ของครูไว้เถอะครับ ผมจะเก็บฝันของผมไว้ ”
(You keep your F ; I keep my dream.)

::::::

ตัดฉากกลับมา ณ ฟาร์มเลี้ยงม้าแห่งหนึ่ง

เมื่อเสียงคนเล่าเรื่องข้างต้นจบลง เขาพูดว่า...

“เรียงความฉบับนั้น ผมใส่กรอบแขวนไว้กลางผนังที่ทุกท่านเห็นอยู่นั้น และขณะนี้ทุกท่านกำลังยืนอยู่ในอาคารกลางฟาร์มเลี้ยงม้าที่เด็กคนนั้นเขียนไว้ในฝันของเขา และถ้าท่านมองออกไปข้างนอก นั่นคือฟาร์มเลี้ยงม้าขนาดเดียวกับที่เขียนไว้ในเรียงความฉบับนั้น”

"มอนตี้" หันมายังกลุ่มผู้ฟังซึ่งมาศึกษาดูงานที่ฟาร์มของเขา และพูดเสริมว่า...

“ที่น่าสนใจก็คือ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ครูคนเดียวกันนั้นพานักเรียนมาศึกษาดูงานที่นี่ ก่อนกลับ...ครูได้พูดกับผมว่า....

“ครูดีใจที่เธอเก็บฝันของเธอไว้ และทำฝันให้เป็นจริง ครูว่าครูคงเป็นคนขโมยฝันของนักเรียนมาหลายคนแล้ว ครูขอโทษที่เกือบจะขโมยฝันของเธอเช่นกัน”

::::::

» เป็นธรรมดา...ตลอดเส้นทางเดินสู่ความสำเร็จในชีวิต ...ที่มักจะมีคนเข้ามา "ขโมยความฝัน" ของเรา (ด้วยความปรารถนาดี) อยู่เนืองๆ

ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เดินตามความฝันของเราเสมอ....

“There are those who look at things the way they are, and ask why.
I dream of things that never were, and ask why not? ”

#Robert Kennedy


Credit : อ.รัศมี ธันยธร

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

เด็กพูดไม่ชัด พูดช้า


เด็กพูดไม่ชัด พูดช้า

    อาจเกิดจากสาเหตุดังนี้ 
1. สิ่งแวดล้อม ผู้ใกล้ชิดเด็กพูดไม่ชัด การพูดครั้งแรกขาดโอกาสในการเลียนแบบเสียงที่ถูกต้อง (เด็กที่มีพี่ลี้ยงเเป็นต่างด้าว) มีผลมากในการพูดไม่ชัดของเด็ก 
2. เด็กบางคนเกิดจากกายภาพ เช่น ระบบการได้ยินไม่ดี สมองสั่งงานแต่อวัยวะควบคุมการออกเสียงไม่ได้ หรือ เพดานอ่อนแอ เส้นยึดใต้ลิ้น เป็นต้น
3. การดูทีวี เล่นคอมพิวเตอร์ก็เป็นอุปสรรคทำให้เด็กมีปัญหา เด็กมักจะพูดเป็นภาษาต่างดาวสื่อสารกับผู้อื่นไม่เข้าใจ ชอบพูดคนเดียว เพราะการดูทีวี มีแสง สี เสียง ให้เด็กฟังซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว การเลียนแบบภาษาจากทีวี เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กที่ยังไม่พร้อมในการพูด 
  สำหรับเด็กที่ออกเสียงพยัญชนะบางตัวไม่ชัด หรือผิดเพี้ยนไป ยังเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยนี้ แต่เมื่ออายุถึง 4 ขวบ ถ้ายังพูดไม่ชัดก็ควรไปพบแพทย์ทางด้านพัฒนาการเด็ก เพื่อจะได้แก้ปัญหาให้ถูกจุด
  ส่วนวิธีการที่คุณพ่อ คุณแม่ จะช่วยลูกให้ออกเสียงพยัญชนะให้ถูกต้องและชัดเจน ถ้าคำไหนที่ลูกพูดผิดก็แก้ด้วยวิธี การพูดชัดๆ ช้าๆ ให้ลูกฟัง หรือให้ลูกพูดตามแต่อย่าตอกย้ำบ่อยๆ ว่าเป็นการพูดผิด เพราะว่าจะทำให้ลูกขาดความมั่นใจ อีกวิธีหนึ่งคือการหานิทานประเภทคำคล้องจองให้ลูกฝึกท่อง หาบัตรภาพมาฝึกลูกให้พูดเป็นประโยคเล่นเกมกับลูก เช่น ภาพคนแบกอ้อย ภาพเสืออยู่ในคอก ลิงกินกล้วย เป็นต้น ทำบัตรภาพก็ควรเลือกคำที่ลูกพูดไม่ชัด เด็กจะสนุกและให้ความร่วมมือในการฝึก
  ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดเด็กทั้งทางบ้านและโรงเรียนต้องช่วยฝึกทักษะการพูด โดยวิธีการเป็นแบบอย่าง ในการพูดให้ชัดจากการพูดเป็นคำ เป็นประโยคสั้นๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน พัฒนาการของลูกน้อยจะดีขึ้นเอง ผู้ใหญ่ไม่ควรตอกย้ำจนลูกรู้สึกมีปมด้อย

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

ทำสีให้มีฮาเล่น




แต่ถ้าบ้านไหนที่ลูกๆ เริ่มเบื่อสีเทียนแท่งเก่า และอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสสีในรูปแบบที่เต็มไม้เต็มมือละก็ วันนี้เรามีสูตรทำสีมาฝากให้เด็กๆ ได้เล่นกันอย่างเต็มที่และไม่เป็นอันตรายด้วยค่ะ
สูตร 1 สีสันจากแป้งข้าวโพด
วิธีผสมสี:
ผสมน้ำ 2 ถ้วยตวง กับสีผสมอาหารเล็กน้อย กับแป้งข้าวโพด 6 ถ้วยตวง สีที่ได้จะมีลักษณะข้นเหนียวและลื่น
เล่นสีให้สนุก:
ถ้าเป็นไปได้ให้จัดกิจกรรมนี้นอกบ้าน เอาผ้าพลาสติกปูบริเวณที่จะเล่น ใส่ผ้ากันเปื้อนให้ลูกกันสีเลอะเสื้อผ้า ให้เด็กได้ล้วงสัมผัสสีลื่นๆ นั้นแล้วปาดป้ายลงบนกระดาษอย่างอิสระ
สูตร2 สีสันจากแป้งมัน
วิธีผสมสี:
ละลายแป้งมันสำปะหลังในน้ำเย็น นำไปต้มไฟอ่อนๆ คนไปเรื่อยๆ จนเหนียวเป็นกาวแบบแป้งเปียก เติมสีผสมอาหารลงไปตามชอบ บีบน้ำยาล้างจานผสมลงไปนิดหน่อย เพราะเวลาล้างมือสีจะได้ไม่ติดเล็บ
เล่นสีให้สนุก:
สีจะมีลักษณะเหนียวๆ หนืดๆ เด็กจะได้สัมผัสที่แปลกใหม่ แนะนำว่า ให้ทำเฉพาะแม่สี คือ เหลือง แดง น้ำเงิน เพื่อเวลาที่ลูกเล่นละเลงสีบนกระดาษ เขาจะได้เรียนรู้เรื่องการสร้างสรรค์สีใหม่ๆ ได้ด้วยตัวเอง
สูตร3 สีสันจากดอกไม้
วัตถุดิบสำหรับทำสี:
สีม่วง จากดอกอัญชัญ กระหล่ำปลีสีม่วง
สีเขียว จากเตยหอม
สีเหลือง จากดอกกรรณิการ์ ขมิ้น
สีแดง จากกระเจี๊ยบแดง
สีส้ม จากดอกคำฝอย
วิธีผสมสี:
ส่วนใหญ่วิธีการจะเหมือนกันคือ นำดอกใบมาตำหรือคั้นน้ำร้อน กรองเอาแต่น้ำ ถ้าอยากให้สีสดทนนาน แนะนำให้เติมเกลือลงไปสักหนึ่งช้อนชา
เล่นสีให้สนุก:
สีจะมีลักษณะบางใส แต่ที่พิเศษกว่าสีอื่นๆ คือ บางสี เช่น สีเขียวจากเตยหอม จะมีกลิ่นให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จักกลิ่นและที่มาของสีต่างๆ ได้ด้วย
"อ้อ... เกือบลืมบอกไปว่า สีสันจากดอกไม้นี้ หากใช้ไม่หมดในวันเดียวก็สามารถเก็บใส่ขวดปิดฝาแช่ตู้เย็น เก็บไว้เล่นต่อได้อีกเป็นอาทิตย์ค่ะ"

ที่มา https://www.mommybear.net/parenting_guide/activity_zone/color_kid

ตอบแบบเด็กๆ

ถ้าเรามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร?

ครูคนหนึ่งตั้งคำถามกับเด็กว่า ‘ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร’ เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า ‘7 บาท’

แต่มีเด็ก 2คนที่ตอบไม่เหมือนกับคนอื่น คนหนึ่งตอบว่า ‘2 บาท’ อีกคนหนึ่งตอบว่า ‘ไม่ต้องทอน’

ครูถามเด็กคนแรกว่าทำไมถึงได้เงินทอน 2 บาท คำตอบที่ได้ก็คือภาพในใจของเขาสำหรับเงิน 10 บาท คือ เหรียญห้า 2 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ให้เหรียญห้า 1 เหรียญ ดังนั้น จึงได้เงินทอน 2 บาท

ถามเด็กคนที่สองว่าทำไมไม่เหลือเงินทอนเลย
คำตอบก็คือเด็กคนนี้คิดว่าในกระเป๋ามีเหรียญบาท 10 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ส่งเหรียญบาทให้ 3 เหรียญ เพราะฉะนั้น คนขายจึงไม่ต้องทอนเงินให้เขา

โชคดีที่เป็นการถาม-ตอบในห้องเรียน ลองนึกดูสิครับว่าถ้าโจทย์นี้เป็นข้อสอบที่มีคำตอบเป็น ก-ข-ค-ง เด็ก 2 คนนี้ก็คงไม่ได้คะแนนจากคำตอบที่ผิดเพี้ยนจากคนส่วนใหญ
การสร้างโจทย์ที่ ‘เสมือนจริง’ จินตนาการของ ‘ครู’ อาจถูกจำกัดเพียงแค่ ‘ตัวเลข’ แต่สำหรับเด็ก จินตนาการของเขาไร้กรอบ 10 บาท จึงสามารถเปลี่ยนเป็นเหรียญสิบ เหรียญห้า หรือเหรียญบาท

เมืองไทยมีเหรียญ 2 บาท เราจึงได้คำตอบเพิ่มอีก 1 คำตอบ คือ ได้เงินทอน 1 บาท

โลกในห้องเรียนกับโลกของความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน โลกในห้องเรียน ทุกคำถามส่วนใหญ่มีเพียง 1 คำตอบ แต่โลกของความเป็นจริง ทุกคำถามอาจมีคำตอบที่ถูกต้องได้เกิน 1 คำตอบ

‘อย่ารีบตัดสินความผิดถูกของคนๆ นั้น เพียงแค่ คำตอบ ของเรา’

อย่าหยุดความคิดสร้างสรรของคนๆ นั้น ด้วยกรอบความคิดของเรา