ขอบคุณที่มา http://time-for-thebetterkids.blogspot.com/2013/12/blog-post.html
ทำไมถึงเลี้ยงเด็กแบบรดน้ำใส่ปุ๋ยทุกวันไม่ได้นะ?
บอกไว้ก่อนเลย เพราะว่าพืชเรียนรู้เหมือนกับเด็กๆไม่ได้ไงละ
แต่ถ้าจะให้ต้มตำรา ผัดข้าวคลุกมารยาทให้เด็กกิน ก็คงไม่ดูดซึมได้เหมือนกัน (ฮ่าๆๆ:))
คำถาม แล้วเด็กๆจะได้ทักษาการเรียนรู้ พัฒนามาจากไหน?
สัญชาตญาณ?
ครอบครัว?
สถานศึกษา? โรงเรียนเสริมพัฒนาการ?
เอาเป็นว่า...คำตอบพวกนี้และที่คุณคิดไว้นั้นไม่ได้ผิดนะ
แต่ที่ถูกต้องที่สุดคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก...
"คุณ"
อ่าๆๆๆๆ....
คุณในที่นี้หมายถึง คุณผู้อ่านและบุคคลรอบๆตัวคุณอีกนั่นแหละ
คุณคือใคร? พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู พี่เลี้ยง พี่ชายพี่สาว คุณน้าขายอาหารตามสั่งในซอย คุณหมอ นักร้องนักแสดงในทีวี...ฯลฯ
คุณคือใคร? พ่อแม่ ผู้ปกครอง คุณครู พี่เลี้ยง พี่ชายพี่สาว คุณน้าขายอาหารตามสั่งในซอย คุณหมอ นักร้องนักแสดงในทีวี...ฯลฯ
พูดง่ายๆ ก็จะหมายถึง ทุกคนในสังคมที่เด็กคนนั้นต้องพบเจอ
ถ้าจะถามกลับว่า อ่าว? เด็กที่เก่งๆก็มีเยอะหนิ ดูจากโรงเรียนชื่อดังทั่วไปในประเทศมีเยอะแยะ
รู้หรือไม่...เด็กที่โอกาสแข่งขันเข้าโรงเรียนมีเพียง สามหมื่นคน เด็กที่สอบแข่งขันเข้าโรงเรียนดังได้มีประมาณ สี่พันคน ในขณะที่ ประชากรเด็กในแต่ละรุ่นทั่วประเทศมีถึง เจ็ดแสนกว่าคน เลยที่เดียว!
สิ่งที่อยากบอกก็คือ เด็กเจ็ดแสนกว่าคนที่เหลือนี้ ประสบปัญหาวิกฤต คือ ขาดโอกาสในการเรียนรู้
คือปัจจัยก็มีทั้ง จากการเลี้ยงดูสนับสนุน จากพ่อแม่ที่ให้การสนับสนุนไม่เต็มที่ และจากตัวเด็กเอง (Down's syndrome, etc.)
การพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กนั้น จะอยู่ระหว่างช่วงอายุ แรกเกิด ถึงประมาณ 6 ขวบ หรือเป็นช่วงที่สมองพัฒนามากที่สุด>>และเริ่มหยุดพัฒนา พร้อมที่จะฝ่อลง -.,->> เพราะฉะนั้นเด็กต้องได้รับการส่งเสริมในช่วงอายุนั้นให้มากที่สุด (ดูได้จาก โฆษณานมใำหรับเด็กหลายๆยี่ห้อ ที่ชวนเชื่อแล้วชวนเชื่ออีกนะคะ ^^)
ที่น่ากลัวอีกอย่างก็คือ มีเด็กเพียงแค่ ร้อยละ 5 จากเด็กทั้งหมดได้รับการแก้ไข และดูแลเข้าถึงในส่วนนี้
คำถามต่อไปคือ อีก ร้อยละ 95 ไปอยู่ไหน??
อาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจมันไม่ดี สังคมเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น หรือประเทศไทยมีคนวัยทำงานมาก โดยเฉพาะช่วงอายุสามสิบต้นๆที่คนส่วนใหญ่นิยมสร้างครอบครัว แต่กลับต้องทำงานเช้ายันดึกเพื่อหาเงินมาสร้างเนื้อสร้างตัว
เด็กหลายคนจึงถูกนำไปฝากสถานรับเลี้ยงที่มีแค่พี่เลี้ยง (ซึ่งเป็นใครจากไหนก็ไม่รู้) มาดูแลระหว่างพ่อกับแม่ไปทำงาน ถ้าไฮโซหน่อยก็พาเข้าเนิสเซอรี่หรือโรงเรียนอนุบาล หลอกให้เด็กเล่นกับของเล่นที่นั่นตั้งแต่เด็กยังพูดไม่ได้
พูดถึงของเล่นเด็ก เชื่อว่าผู้อ่านเคยเล่นกันทุกคนนะคะ มันก็ช่วยพัฒนาสมองเด็กได้จริงๆนั่นแหละ แต่ดูราคาแต่ละชิ้นแล้ว...มันคุ้มใช่ไหม? ไม่โดนหลอกจริงหรือ?
ถ้าเกิดคุณไม่ใช่ไฮโซละ ?? ซึ่งคนส่วนใหญ่ของประเทศ (รวมถึงตัวผู้เขียนด้วย) ก็ไม่ได้มีเงินก้อนนั้นไว้ใช้จ่ายในส่วนนี้มากนัก บางคนถึงขั้นไม่มีด้วยซ้ำ... จะทำยังไง?
แล้ว "เด็ก" ละ??
ย้อนกลับไปที่บอกไปข้างต้นว่า คุณ คือสิ่งที่ดีที่สุดในการปลูกฝังและพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กน้อย
คุณทำอะไรได้บ้าง...?
หรือว่า คุณคิดว่า
...ไม่มีเวลาสำหรับส่วนนั้นหรอก...
...ไม่ใช่หน้าที่เรา พวกโรงเรียนต่างหากที่ต้องสอน...
...จะทำได้หรอ? ไม่มั่นใจเลย...
...ให้สอน? จะให้สอนยังไง?...
ขอประกาศ ณ ที่นี้ว่า...
หยุดความคิดเหล่านั้นซะ!!!
เคยได้ยินไหม? "You are what you think." คุณเป็นอย่างที่คุณคิด...นะคะ (ตรงตัวมาก)
เปลี่ยนความคิดใหม่...คุณทำได้ และ คุณต้องทำ
ขอเวลาสักนิดดดดด!!
อย่าคิดว่าเวลาห้านาทีสิบนาทีไม่มีค่า หรือเวลาแค่นั้นอาจไม่ได้ประโยชน์มากพอ
สร้างบรรยากาศที่ดีเหมาะแก่การเรียนรู้
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส!
เริ่มตั้นแต่เช้า...
"เอ๊...ป้ายนั้นเเขาเขียนว่าอะไรนะ?"
"ขอ..ไม้หันอากาศ..บอใบไม้...ขับ..."
"มาช่วยแม่เลือกจานเร็ว :)"
"แกงไก่ถุงนี้ ใส่ใบไหนดีเอ่ย?"
นิทานก่อนนอนสอนใจสัก 10 นาที ปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้เด็กน้อย
เลิกอ้าง เลิกผลักภาระ
ไม่ใช่เสียเวลา แต่คุณได้เวลาอยู่กับลูกมากขึ้น!
เก็บเล็ก ผสมน้อย เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในอนาคตของเด็ก
สร้างนิสัยในการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็ก <3
เก็บเล็ก ผสมน้อย เพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในอนาคตของเด็ก
สร้างนิสัยในการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็ก <3